บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

กบในกะลาตัวเมีย

มีแฟนคลับของผมท่านหนึ่ง มาขอหนังสือเกี่ยวกับวิชาธรรมกายไปศึกษา  ผมทำหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำกับหนังสือของคุณลุงเป็น E-book ไว้จำนวนหนึ่ง ก็เกือบทุกเล่มแล้ว

แฟนคลับท่านอยากได้บุญ ท่านก็ต้องการให้คนอื่นได้อ่านกันมากๆ ท่านก็นำไปลงไว้ที่พันธุ์ทิพย์ โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า “Link E-book วิชาธรรมกาย

เนื้อหาของกระทู้ก็มีสั้นๆ ดังนี้

เชิญทุกท่านได้อ่าน E-book วิชาธรรมกาย ตั้งแต่ขั้นเบื้องต้นจนถึงขั้นสูงมาก ได้ที่ :

https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/E8VnSnvIzz

สามารถดาวน์โหลดได้  อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้อ่านครับ


พอลงไปแล้ว มีคนมาให้ความเห็นกันพอสมควร พอที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ได้ 

ที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันนี้ ก็จะเป็นความคิดเห็นของพวกออกไปแนวทางสมองหมา ปัญญาควายเป็นส่วนใหญ่

ที่เขาให้ความเห็นดีๆ ก็ตามไปอ่านในลิงก์ที่ผมบอกไปก็แล้วกัน

คนแรกที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ คุณ KOB ON KALA   

คุณ KOB ON KALA  ท่านเอาหน้าหนังสือมาแปะด้วย ดังนี้


แล้วก็มีความเห็นด้วยดังนี้

หนังสือที่ ใส่กรอบไว้ใช้วิจารณญาณด้วย เพราะเขาไม่ได้พิมพ์ขายคนทั่วไป (แจกเฉพาะ) ส่วนที่อ่านได้คือ ที่เขาพิมพ์ขาย จะได้ประโยชน์ตามควร

บอกได้แค่นี้

ผมอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งของคุณ “คุณกบบนกะลา” ให้ไปอยู่ในกะลาตัวเมียเหลือเกิน เพราะ ความโง่แล้วอวดฉลาดของท่าน  สมองหมา ปัญญาควายจริงๆ

อธิบายก่อนว่า ทำไมต้อง “กะลาตัวเมีย” ด้วย  ขอให้ดูภาพด้านล่าง


มะพร้าวจะถูกผ่าเป็น 2 ซีก ซีกหนึ่งมันจะมีรูอยู่ด้วย  ตรงนี้เขาเรียกกะลาตัวผู้  มันมีรูทำไมเรียกกะลาตัวผู้ก็ไม่รู้

อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจ  มันน่าจะเรียกกะลาตัวเมีย  ส่วนที่ไม่มีรู เขาเรียกกะลาตัวเมีย

ที่กะลาตัวเมียมาเกี่ยวพันกับความโง่ความฉลาดของคนก็คือ มันไม่มีแสงเข้าไปได้เลย ถ้าคว่ำมันลง พวกที่เปรียบได้กับกะลาตัวเมีย มันจึงโง่จริงๆ ตัวจริงเสียงจริง

เพราะ แสงสว่างแห่งความรู้ ไม่มีสามารถเข้าไปได้เลย

มาวิพากษ์วิจารณ์ความสมองหมา ปัญญาควายของคุณกบในกะลาตัวเมียที่คว่ำอยู่กันต่อ

ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำต่างคนก็ต่างไปสร้างสำนักของตัวเอง 

สำนักหนึ่งบอกว่า “อย่าอ่านหนังสือหลวงพ่อ”  จะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม  มันก็เป็นนโยบายของสำนักนั้น  และเป็นเวรเป็นกรรมของสาวก

เพราะ การห้ามอ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำ มันเป็นนโยบายที่ปิดกั้นความรู้ของคน

ถึงว่า เวลามีคนมาโจมตีวิชาธรรมกายว่า “เป็นแค่สมถะ” ไม่เป็นวิปัสสนา ถึงเงียบกริบกันไปหมด เพราะ ไม่ได้อ่านหนังสือให้ครบถ้วน

ก็ยกตัวอย่างในทางการเรียนหนังสือหน่อย

ในการเรียนหนังสือนั้น ถ้าใครอยู่ ป. 1 แล้วมีความรู้สูงกว่า ป. 1 นั้น เขาจะถือว่าเก่งมาก และในบางกรณีเขาจะให้ “พาสชั้น” ไปเลย  คือ ไปเรียนชั้น ป. 2 ได้เลย  ไม่รู้สมัยนี้ ยังมีหรือเปล่า

สอนแต่มหาวิทยาลัยเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดตรงนี้ เวลาไปสอนวิชาธรรมกายตามโรงเรียน ก็ไม่เคยได้ถามเรื่องนี้

ดังนั้น หนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ควรนำมาศึกษา นำมาอ่านกันให้มากๆ ขึ้น 

ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกก็ได้  พระอภิธรรมที่พวกกลุ่มชอบเรียนกันเป็นหนักเป็นหนานั้น  ถามจริง คนเรียนรู้จริงๆ ไหมว่าอะไรเป็นอะไร

ส่วนใหญ่ก็รู้กันคร่าวๆ  รู้กันตามตัวหนังสือทั้งนั้น  แต่ก็ต้องเรียนกัน เพราะ เพื่อรักษาพระไตรปิฎก เพื่อรักษาความรู้เอาไว้

ที่นี้มาว่ากันถึงเรื่องพิมพ์แจก

หนังสือที่ว่านั้น ส่วนใหญ่ท่านห้ามคนที่เริ่มเรียนว่า “อ่านเพิ่งอ่าน”  ดังนั้น หลวงป๋าท่านจะแจกสำหรับคนที่ผ่านวิชา 18 กายไปแล้ว

แต่คุณลุงการุณย์ บุญมานุช ท่านเป็นคนในแวดวงการศึกษา คือ เป็นศึกษาธิการอำเภอ เป็นผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัด และท่านเป็นวิชาธรรมกายชั้นสูง 

ท่านเห็นว่า ถ้าไม่เผยแพร่ออกไปให้มากๆ วิชาธรรมกายก็จะหายไปอีก  ท่านก็ทำเผยแพร่เพื่อให้คนมีบุญ มีบารมีได้อ่าน

กลับมาที่นโยบายของหลวงป๋า ที่เห็นว่า คนวิชาต่ำๆ อย่างเพิ่งอ่าน ให้วิชาสูงๆ ก่อน ที่นี้ลูกศิษย์ของลุงส่วนใหญ่ผ่านวิชา 18 กายกันทั้งนั้น 

ถ้าเป็นวิทยากรด้วยแล้ว ผ่านวิชา 18 กายกันทุกคน  ดังนั้น ทุกคนก็มีสิทธิ์อ่านได้

ผมเองนั้น สอนวิชา 18 กายให้กับนักเรียนนักศึกษามาเป็นหมื่นๆ คนแล้ว  สอนวิชาขอรัตนะเจ็ดก็สอนมาแล้ว

ประการสำคัญก็คือ หลวงพ่อวัดปากน้ำเอง ยังบอกกับผมว่า “ดร. มนัส เห็นดี เห็นงามอะไร ก็ทำไปเลย”

ผมก็ทำตามคำสั่งของหลวงพ่อวัดปากน้ำ  คุณกบในกะลาตัวเมียที่คว่ำอยู่ ทำวิชาไปพบหลวงพ่อวัดปากน้ำได้หรือเปล่า


เอาง่ายๆ ก็ได้  ออกจากกะลาตัวเมียได้หรือเปล่า.......




ไม่ควรอ่านหนังสือหลวงพ่อ


มีแฟนคลับของผมท่านหนึ่ง นำหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำกับหนังสือของคุณลุงที่เป็น E-book ไปเผยแพร่ไว้ที่พันธุ์ทิพย์ โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า “Link E-book วิชาธรรมกาย

เนื้อหาของกระทู้ก็มีสั้นๆ ดังนี้

เชิญทุกท่านได้อ่าน E-book วิชาธรรมกาย ตั้งแต่ขั้นเบื้องต้นจนถึงขั้นสูงมาก ได้ที่ :

https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/E8VnSnvIzz

สามารถดาวน์โหลดได้  อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้อ่านครับ

พอลงไปแล้ว มีคนมาให้ความเห็นกันพอสมควร พอที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ได้ 

ผมได้วิพากษ์ไปแล้ว หนึ่งบทความ  บทความนี้ก็ว่ากันต่อ

ต่อมาคุณ Lamelez เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

ถามแบบคนไม่รู้

ผู้สำเร็จวิชาธรรมกายขั้นสูงสุดคือใคร  และคนทั่วไปที่ฝึกสำเร็จมีความสามารถอะไรที่แตกต่างจากคนปกติบ้างครับ 

อยากดูปลายทางก่อนครับ จะได้เป็นแรงบันดาลใจ

ผู้ตั้งกระทู้ คือ คุณ สมาชิกหมายเลข 769319 ท่านมีนโยบายว่า

“หากมีคำถาม โปรดอ่านหนังสือก่อน   แล้วรวบรวมคำถามอ้างอิงจากหน้าในหนังสือ เพื่อคำถามและคำตอบจะได้ถูกหลักวิชา”

แต่ยังไม่ทันที่เจ้าของกระทู้จะมาตอบ คุณ KOB ON KALA หรือที่ผมตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “คุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำ” ก็เข้ามาตอบก่อนว่า

สำเร็จวิชชาธรรมกาย คือ ได้ "มรรคผลนิพพาน" แน่ หรือถ้ายังไม่ได้มรรคผลนิพพาน ก็ได้วิชชา ๓ ถ้าหากเกินกว่านั้น มันมีทั้ง "ของจริงและของปลอม"

ถ้าหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่อยู่แล้ว ไม่ควรอ่านหรือ ไปยุ่งเกี่ยวตรงนั้นเด็ดขาด

ผมอ่านความเห็นของ คุณ KOB ON KALA แล้ว อยากจะตั้งชื่อให้ใหม่เป็น “คุณกบปัญญาอ่อนในกะลาตัวเมียคว่ำ” เหลือเกิน

สมมุติว่า มีคนปัญญาอ่อนเชื่อไปตามคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำคนนี้  บุคคลคนนั้น ก็คงได้อ่านหนังสือไม่กี่เล่ม

1) พระไตรปิฎกก็อ่านไม่ได้ เพราะ พระพุทธเจ้ามรณภาพไปแล้ว

2) อรรถกถา ฏีกา อนุฏีกา คัมภีร์วิสุทธิมรรค คัมภีร์วิมุตติมรรค ฯลฯ ก็อ่านไม่ได้ เพราะ คนเขียนตายไปหมดแล้ว

3) หนังสือของนักวิชาการชาวพุทธทั้งหลาย เช่น คุณสุชีพ ปุญญานุภาพ ท่านพุทธทาส เป็นต้น ก็อ่านไม่ได้ เพราะ ตายไปแล้ว

4) หนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์นี่ ก็ต้องรีบอ่านกันหูตาแหก เพราะ ท่านเขียนไว้เยอะ แล้วก็ใกล้ตายแล้ว พอตายแล้วต้องเลิกอ่านทันที


คุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำนี่ ท่านสมองหมาปัญญาควายตัวจริงเสียงจริง


ต่อไปวิพากษ์วิจารณ์ คุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำในชาตินี้กันต่อ เพราะ ชาติหน้าแกเกิดเป็นควายแน่ เป็นควายปัญญาอ่อนเสียด้วย

คนถามเข้าถามว่า “ผู้สำเร็จวิชาธรรมกายขั้นสูงสุดคือใครคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำก็ตอบว่า

“สำเร็จวิชชาธรรมกาย คือ ได้  "มรรคผลนิพพาน" แน่”

คำตอบของคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำนั่นก็เป็นหลักฐานแสดงให้รู้ว่า คุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำแกไม่ได้มีความรู้ในวิชาธรรมกายแต่อย่างใด

หลักฐานประการที่ 1

ก็คุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำ ท่านบอกว่า ท่านไม่อ่านหนังสือหลวงพ่อวัดปากน้ำ เนื่องจากหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว 

ดังนั้น ที่ตอบมาก็เป็นความโง่งี่เง่าบวกกับการเดาแบบมั่วๆ ของกบในกะลาตัวเมียคว่ำตัวนี้

นี่เป็นผลเสียอย่างเห็นได้ชัดของการไม่อ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

หลักฐานประการที่ 2

คำถามนั้น มันถามแบบผิดๆ คือ ถามว่า “ผู้สำเร็จวิชาธรรมกายขั้นสูงสุดคือใคร คำว่า “ผู้สำเร็จวิชาธรรมกาย มันไม่มี

วิชาธรรมกายก็คือวิชาที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ถ้าทำได้ตามตำรากิเลสหมด สังโยชน์หมดก็เป็นพระอรหันต์

วิชาธรรมกายไม่เหมือนวิชาของสำนักเส้าหลิน หรือสำนักบู๊ตึ้ง จะได้มีการสำเร็จวิชาโน้น วิชานี้

หลักฐานประการที่ 3

ข้อความของคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำ ที่ว่า “ถ้าหากเกินกว่านั้น มันมีทั้ง "ของจริงและของปลอม"

มันก็แสดงความมันสมองหมา ปัญญาควายของคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำเอง คือ คุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำบอกแล้วว่า ไม่ได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

แล้วคุณคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำจะมีความรู้อะไรที่จะไปบอกได้ว่า “อะไรคือของจริงหรือของปลอม”

อย่างคุณกบในกะลาตัวเมียคว่ำคนนี้ ถ้าให้ผมตอบนะ

โง่ก็อยู่คนเดียวเงียบๆ ดีกว่า.....





ABP@BDZ หนีหาย

มีแฟนคลับของผมท่านหนึ่ง นำหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำกับหนังสือของคุณลุงที่เป็น E-book ไปเผยแพร่ไว้ที่พันธุ์ทิพย์ โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า “Link E-book วิชาธรรมกาย

เนื้อหาของกระทู้ก็มีสั้นๆ ดังนี้

เชิญทุกท่านได้อ่าน E-book วิชาธรรมกาย ตั้งแต่ขั้นเบื้องต้นจนถึงขั้นสูงมาก ได้ที่ :

https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/E8VnSnvIzz

สามารถดาวน์โหลดได้  อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้อ่านครับ

พอลงไปแล้ว มีคนมาให้ความเห็นกันพอสมควร พอที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ได้

ผมได้วิพากษ์ไปแล้ว สองบทความ  บทความนี้ก็ว่ากันต่อ

วันนี้จะมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อเขียนของ คุณ ABP@BDZ  ซึ่งได้เข้ามาให้ความคิดเห็น ดังนี้

ถ้าของหลวงพ่อวัดปากน้ำ อันนี้รับประกัน 100% แต่ของลุงการุณย์ อย่าไปยุ่งเลยดีที่สุด เพราะมันออกทะเลไปเยอะ ออกซะจนกู่ไม่กลับแล้ว

ไม่มีครูบาอาจารย์สายธรรมกายที่ไหน เชียร์หนังสือลุงการุณย์

ส่วนของธัมมี่ จะว่าถูกก็ถูก จะว่าผิดก็ผิด มันก้ำกึ่งกันอยู่ก็ต้องใช้วิจารณญาณให้ดี

มีคนได้ตั้งแต่ดวงธรรมฯ จนถึงธรรมกายที่วัดธัมมี่ ไปแก้ ไปต่อวิชชาที่อื่นก็เห็นอยู่หลายคน

ของหลวงป๋า วัดหลวงพ่อสดฯ อันนี้รับประกันได้ เพราะยึดแนวทางหลวงพ่อวัดปากน้ำ และพระราชพรหมเถร วัดปากน้ำ ศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำสายปฏิบัติ ท่านก็คอยควบคุมการสอนทุกระดับอยู่

ในบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำสายปฏิบัติด้วยกัน ถ้าสายพระจริง ๆ ตั้งแต่หลวงพ่อวัดปากน้ำลงมา ถึงศิษย์ชั้นหลัง ๆ

เรียนบาลีสอบเอาเปรียญบ้าง ไม่เรียนบ้าง แต่ทุกท่านก็ไม่ได้ละเลยพระปริยัติ ท่านปฏิบัติไป ท่านก็ศึกษาพระปริยัติไป

แต่ถ้าสายแม่ชี ที่มีอุตสาหะบ้าง อย่างแม่ชีญาณี ศิริโวหาร ท่านก็ไขว่คว้าศึกษา จนสอบธรรมศึกษาเอกได้ สมัยก่อนยังสอบกันยาก ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้

นอกนั้นไม่ใคร่ศึกษา ทำวิชชาซะอย่างเดียว ถูกผิดพระธรรมวินัยอย่างไรก็ไม่ใคร่จะรู้

เราจึงเห็นอะไรแปลก ๆ ออกมาจากสายแม่ชีซะเยอะ

อย่างสายธัมมี่ สายลุง อันนี้ก็สายแม่ชี เพราะสายแม่ชีท่านไม่ค่อยได้ศึกษาปริยัติ แล้วไม่ค่อยเห็นความสำคัญซะด้วย

แต่สายพระท่านศึกษาปริยัติด้วย ท่านเห็นความสำคัญด้วย

สายลุงชอบตำหนิสายพระว่าหลวงพ่อสอนยังไง ก็ยังสอนอยู่อย่างนั้น ไม่ advance เหมือนตน ศิษย์ต้องเก่งกว่าครูสิ ไม่ใช่ดักดานกับวิชชาเดิมๆ

แต่จริง ๆ คือสายพระท่านรักษาตามแนวหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตามพระธรรมวินัยมากกว่า

ไม่ใช่แต่งเติมหลักการเอาตามความชอบใจของตัวเอง

ความเห็นของ คุณ ABP@BDZ นี่  มีคุณ PAKAVAKORN มาแสดงความถูกใจด้วย  คุณ PAKAVAKORN จะโดนวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปในบทความข้างหน้า

ท่านเจ้าของกระทู้ได้เข้ามาถามต่อ ดังนี้

อยากจะให้ยกตัวอย่างจากหนังสือของคุณลุงการุณย์ว่า ที่ผิดนั้นคือตรงไหน อยู่ในหนังสือเล่มใด และผิดอย่างไร  จะได้เสวนากันถูก

ที่ว่าผิดอย่างไรนั้น คือผิดไปจากหนังสือของหลวงพ่ออย่างไร

ที่เขียนมา  มันไม่ชัดเจนว่า จะให้ตอบประเด็นไหน

แค่คำถามของท่านเจ้าของกระทู้แค่นั้น คุณ ABP@BDZ ก็หายหน้าไปจากกระทู้เลย ไม่รู้ตายอหิวาตกโรคไปแล้วหรือยัง

ความเห็นของสมองหมา ปัญญาควาย ABP@BDZ นั้น ไม่ได้เกิดจากการอ่านและคิดวิเคราะห์ด้วยตัวของตัวเอง 

ส่วนใหญ่ไปอ่านของคนอื่นมาแล้วจำไว้ เพราะ ถูกใจตนเอง

เมื่อมีคนข้อให้อธิบายและให้หลักฐาน  พวกนี้ก็จะให้วิธีการของนินจา คือ หายตัว และเอาหัวหายไปด้วย  โดยไม่ต้องมีความละอายกัน

ในพันธุ์ทิพย์พวกแบบนี้ มีเยอะ  เวลาเขียนมา อ่านคร่าวๆ ดูเหมือนจะมีความรู้ใหญ่โตมโหฬาร แต่พอขอหลักฐานและคำอธิบาย  พวกนี้ก็จะหนีไปดื้อๆ แบบหน้าด้านๆ 

ที่ว่า “หน้าด้าน” ก็เพราะว่า พอมีกระทู้ที่พอจะแสดงความคิดเห็นโง่ๆ ได้ ก็จะโผล่มาให้ความเห็นกันอีก  หลอกตัวเองไปวันๆ

ถ้าเปรียบเทียบกับผม ตอนที่อาละวาดอยู่ในพันธุ์ทิพย์  ผมไม่เคยถอยใครง่าย และไม่เคยถอยใครด้วย 

แต่ความที่คนในพันธุ์ทิพย์ ส่วนใหญ่เป็นมือหัดใหม่ และมีสมองเป็นหมา มีปัญญาเป็นควายเสียส่วนมาก

เมื่อเถียงกันเข้าและสู่ไม่ได้ ก็พากันออกนอกประเด็น แบบโง่ๆ  ผมก็เลยส่งเสริม โดนทั้งแช่ง ทั้งด่าไปด้วย

พวกนั้น ส่วนใหญ่ระดับปัญญามันพอๆ กันกับเด็กอนุบาล  ไม่ถูกใจก็ฟ้อง  ไม่ถูกใจก็ฟ้อง

ผมก็ถูกแบนจากพันธุ์ทิพย์  และผมก็ยินดีจะให้แบนแบบนั้น  เพราะ ความรู้ที่ถกเถียงกัน มันก็เป็นความรู้ตื้นๆ

จะออกมาเฉยๆ ก็ยังไงๆ อยู่  ถูกเขาไล่ออกมา ก็เลยซะใจดี

ขอบอกให้เป็นประวัติศาสตร์ก่อนว่า ในพันธุ์ทิพย์นั้น  ในระยะหลังๆ  ผมไม่เคยไปให้ความคิดเห็นในกระทู้ของใคร 


ส่วนใหญ่ผมตั้งกระทู้ขึ้นมาเอง  เมื่อคนมาให้ความคิดเห็น ให้ความคิดเห็นแบบโง่ๆ และงี่เง่า มันก็ต้องมีการด่าเพื่อตักเตือนความประพฤติกันบ้าง ...