มีแฟนคลับของผมท่านหนึ่ง
มาขอหนังสือเกี่ยวกับวิชาธรรมกายไปศึกษา
ผมทำหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำกับหนังสือของคุณลุงเป็น E-book ไว้จำนวนหนึ่ง
ก็เกือบทุกเล่มแล้ว
แฟนคลับท่านอยากได้บุญ
ท่านก็ต้องการให้คนอื่นได้อ่านกันมากๆ ท่านก็นำไปลงไว้ที่พันธุ์ทิพย์
โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า “Link
E-book วิชาธรรมกาย”
เนื้อหาของกระทู้ก็มีสั้นๆ
ดังนี้
เชิญทุกท่านได้อ่าน
E-book วิชาธรรมกาย ตั้งแต่ขั้นเบื้องต้นจนถึงขั้นสูงมาก
ได้ที่ :
https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/E8VnSnvIzz
สามารถดาวน์โหลดได้ อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้อ่านครับ
|
พอลงไปแล้ว
มีคนมาให้ความเห็นกันพอสมควร
พอที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ได้
ที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันนี้
ก็จะเป็นความคิดเห็นของพวกออกไปแนวทางสมองหมา ปัญญาควายเป็นส่วนใหญ่
ที่เขาให้ความเห็นดีๆ
ก็ตามไปอ่านในลิงก์ที่ผมบอกไปก็แล้วกัน
คนแรกที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ
คุณ KOB ON KALA
คุณ KOB ON KALA ท่านเอาหน้าหนังสือมาแปะด้วย ดังนี้
แล้วก็มีความเห็นด้วยดังนี้
หนังสือที่
ใส่กรอบไว้ใช้วิจารณญาณด้วย เพราะเขาไม่ได้พิมพ์ขายคนทั่วไป (แจกเฉพาะ) ส่วนที่อ่านได้คือ
ที่เขาพิมพ์ขาย จะได้ประโยชน์ตามควร
บอกได้แค่นี้
|
ผมอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งของคุณ
“คุณกบบนกะลา”
ให้ไปอยู่ในกะลาตัวเมียเหลือเกิน เพราะ ความโง่แล้วอวดฉลาดของท่าน สมองหมา ปัญญาควายจริงๆ
อธิบายก่อนว่า
ทำไมต้อง “กะลาตัวเมีย” ด้วย
ขอให้ดูภาพด้านล่าง
มะพร้าวจะถูกผ่าเป็น
2 ซีก ซีกหนึ่งมันจะมีรูอยู่ด้วย ตรงนี้เขาเรียกกะลาตัวผู้ มันมีรูทำไมเรียกกะลาตัวผู้ก็ไม่รู้
อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจ มันน่าจะเรียกกะลาตัวเมีย
ส่วนที่ไม่มีรู เขาเรียกกะลาตัวเมีย
ที่กะลาตัวเมียมาเกี่ยวพันกับความโง่ความฉลาดของคนก็คือ
มันไม่มีแสงเข้าไปได้เลย ถ้าคว่ำมันลง พวกที่เปรียบได้กับกะลาตัวเมีย
มันจึงโง่จริงๆ ตัวจริงเสียงจริง
เพราะ
แสงสว่างแห่งความรู้ ไม่มีสามารถเข้าไปได้เลย
มาวิพากษ์วิจารณ์ความสมองหมา
ปัญญาควายของคุณกบในกะลาตัวเมียที่คว่ำอยู่กันต่อ
ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำต่างคนก็ต่างไปสร้างสำนักของตัวเอง
สำนักหนึ่งบอกว่า
“อย่าอ่านหนังสือหลวงพ่อ” จะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม มันก็เป็นนโยบายของสำนักนั้น และเป็นเวรเป็นกรรมของสาวก
เพราะ
การห้ามอ่านหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำ มันเป็นนโยบายที่ปิดกั้นความรู้ของคน
ถึงว่า
เวลามีคนมาโจมตีวิชาธรรมกายว่า “เป็นแค่สมถะ” ไม่เป็นวิปัสสนา ถึงเงียบกริบกันไปหมด เพราะ
ไม่ได้อ่านหนังสือให้ครบถ้วน
ก็ยกตัวอย่างในทางการเรียนหนังสือหน่อย
ในการเรียนหนังสือนั้น
ถ้าใครอยู่ ป. 1 แล้วมีความรู้สูงกว่า ป. 1 นั้น เขาจะถือว่าเก่งมาก
และในบางกรณีเขาจะให้ “พาสชั้น” ไปเลย คือ
ไปเรียนชั้น ป. 2 ได้เลย ไม่รู้สมัยนี้
ยังมีหรือเปล่า
สอนแต่มหาวิทยาลัยเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดตรงนี้
เวลาไปสอนวิชาธรรมกายตามโรงเรียน ก็ไม่เคยได้ถามเรื่องนี้
ดังนั้น
หนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ควรนำมาศึกษา นำมาอ่านกันให้มากๆ ขึ้น
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกก็ได้
พระอภิธรรมที่พวกกลุ่มชอบเรียนกันเป็นหนักเป็นหนานั้น ถามจริง คนเรียนรู้จริงๆ ไหมว่าอะไรเป็นอะไร
ส่วนใหญ่ก็รู้กันคร่าวๆ รู้กันตามตัวหนังสือทั้งนั้น แต่ก็ต้องเรียนกัน เพราะ เพื่อรักษาพระไตรปิฎก
เพื่อรักษาความรู้เอาไว้
ที่นี้มาว่ากันถึงเรื่องพิมพ์แจก
หนังสือที่ว่านั้น
ส่วนใหญ่ท่านห้ามคนที่เริ่มเรียนว่า “อ่านเพิ่งอ่าน” ดังนั้น
หลวงป๋าท่านจะแจกสำหรับคนที่ผ่านวิชา 18 กายไปแล้ว
แต่คุณลุงการุณย์
บุญมานุช ท่านเป็นคนในแวดวงการศึกษา คือ เป็นศึกษาธิการอำเภอ
เป็นผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัด และท่านเป็นวิชาธรรมกายชั้นสูง
ท่านเห็นว่า
ถ้าไม่เผยแพร่ออกไปให้มากๆ วิชาธรรมกายก็จะหายไปอีก ท่านก็ทำเผยแพร่เพื่อให้คนมีบุญ มีบารมีได้อ่าน
กลับมาที่นโยบายของหลวงป๋า
ที่เห็นว่า คนวิชาต่ำๆ อย่างเพิ่งอ่าน ให้วิชาสูงๆ ก่อน
ที่นี้ลูกศิษย์ของลุงส่วนใหญ่ผ่านวิชา 18 กายกันทั้งนั้น
ถ้าเป็นวิทยากรด้วยแล้ว
ผ่านวิชา 18 กายกันทุกคน ดังนั้น
ทุกคนก็มีสิทธิ์อ่านได้
ผมเองนั้น สอนวิชา
18 กายให้กับนักเรียนนักศึกษามาเป็นหมื่นๆ คนแล้ว
สอนวิชาขอรัตนะเจ็ดก็สอนมาแล้ว
ประการสำคัญก็คือ
หลวงพ่อวัดปากน้ำเอง ยังบอกกับผมว่า “ดร. มนัส
เห็นดี เห็นงามอะไร ก็ทำไปเลย”
ผมก็ทำตามคำสั่งของหลวงพ่อวัดปากน้ำ คุณกบในกะลาตัวเมียที่คว่ำอยู่ ทำวิชาไปพบหลวงพ่อวัดปากน้ำได้หรือเปล่า
เอาง่ายๆ
ก็ได้
ออกจากกะลาตัวเมียได้หรือเปล่า.......